Blog

  • แชร์ทริควงการหน้าเงา ฉ่ำ ใช้วิธีนี้เห็นผลชัวร์

    แชร์ทริควงการหน้าเงา ฉ่ำ ใช้วิธีนี้เห็นผลชัวร์

    1. การล้างหน้าให้สะอาดและสม่ำเสมอ

    แม้การล้างหน้าจะช่วยทำความสะอาดผิว แต่หากทำบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งและเสียสมดุลได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่ายขึ้น
    จำนวนครั้งที่เหมาะสมคือ วันละ 2 ครั้ง — เช้าและเย็น

    หลายคนชอบใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นในการล้างหน้าเพื่อความสดชื่น แต่ควรระวังอุณหภูมิของน้ำ เพราะน้ำร้อนอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ควรใช้น้ำในอุณหภูมิห้องจะดีที่สุด

    ความงาม

    ก่อนล้างหน้า ควรใช้ คลีนซิ่ง เช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกก่อน แล้วจึงตามด้วยเจลล้างหน้า เพื่อช่วยลดการอุดตันและสิ่งตกค้างบนผิว

    เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรใช้สูตรอ่อนโยน ปราศจากสารระคายเคือง และไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

    2. ทาสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว

    สกินแคร์ (Skincare) คือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแล ฟื้นฟู และบำรุงผิวให้แข็งแรงและดูมีสุขภาพดี ซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เลือกตามความต้องการของผิวแต่ละคน เช่น

    • สกินแคร์ปกป้องผิว
      • สกินแคร์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
      • สกินแคร์เพิ่มความชุ่มชื้น กระจ่างใส และปลอบประโลมผิว
      • สกินแคร์สำหรับปัญหาเฉพาะ เช่น จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือสิว

    ความงาม

    การเลือกใช้ให้ถูกต้องจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการดูแลผิวอย่างตรงจุด

    3. ทากันแดดอย่างสม่ำเสมอ

    ก่อนออกแดดควรทาครีมกันแดด ก่อนล่วงหน้า 15 – 30 นาที โดยใช้ในปริมาณที่เหมาะสม

    • ครีมกันแดด: บีบยาวประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ
      • โลชั่นกันแดด: ใช้ประมาณ 1 – 2 เหรียญสิบบาท

    ความงาม

    อย่าลืมทาบริเวณที่ไม่ปกคลุมด้วยเสื้อผ้า เช่น หู คอ และหลัง
    ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หากต้องเผชิญแดดเป็นเวลานาน หรือหลังออกกำลังกายหรือโดนน้ำ

    แนะนำให้เลือกสูตรที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB และมีค่า SPF 30 ขึ้นไป

    4. มาร์กหน้าเป็นประจำ

    การมาร์กหน้าเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลผิวอย่างล้ำลึก โดยควรเลือกสูตรที่ตรงกับปัญหาผิว
    เกลี่ยให้ทั่วใบหน้า หลีกเลี่ยงรอบดวงตาและริมฝีปาก

    • มาส์กทั่วไป: ทิ้งไว้ 10 – 15 นาที
      • มาส์กแผ่น: ทิ้งไว้ 15 – 20 นาที

    ไม่ควรทิ้งไว้นานเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง

    ความงาม

    5. หัตถการและทรีทเมนต์เพื่อฟื้นฟูผิว

    การดูแลผิวด้วยหัตถการ เช่น การฉีดสิวหรือกดสิว จะช่วยลดการอักเสบ และยังมีทางเลือกอื่นๆ เช่น

    • ทรีทเมนต์ผิวหน้า ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส
      • เลเซอร์ ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ
      • ฟิลเลอร์ เติมเต็มและปรับรูปหน้า

    ความงาม

    นอกจากนี้ การนวดหน้า มาร์กหน้า และทาครีมบำรุงในขั้นตอนทรีทเมนต์ จะช่วยให้ผิวผ่อนคลายจากความเครียดและฟื้นฟูได้อย่างล้ำลึก

    6. ดื่มน้ำเพื่อผิวอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี

    การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน มีส่วนช่วยให้ผิวกลับมานุ่ม ชุ่มชื้น และลดความหยาบกร้าน
    โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มน้ำน้อย ควรปรับพฤติกรรมให้ดื่มน้ำมากขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

    แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนจากงานวิจัยว่าการดื่มน้ำเพียงอย่างเดียวช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แต่ “น้ำ” ก็ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานในการบำรุงผิวที่ไม่ควรมองข้าม

    ความงาม

    สรุป 

    ผิวสุขภาพดีเป็นสิ่งที่หลายๆคนพึงประสงค์เป็นอย่างยิ่งเราสามารถดูแลผิวของเราได้เริ่มจากตัวเราเองไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำให้ผิว ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียวพอเพียงแค่คุณเริ่มต้นแค่นี้ปัญหาเรื่องสุขภาพผิว สิวต่างๆ ก็จะไม่มาก่อกวนใจคุณ

  • 9 จุดสำคัญสาวๆห้ามลืมดูแลเด็ดขาด

    9 จุดสำคัญสาวๆห้ามลืมดูแลเด็ดขาด

    ใบหู และ หลังหู

    ขัดผิวบริเวณหลังหูเบาๆ สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสม การใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหรือผ้าเช็ดตัวหยาบๆ

    สุขภาพ

    คอ

    หลายคนมักทาครีมบำรุงแค่บริเวณใบหน้า แต่ละเลยการดูแลผิวบริเวณคอ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน การดูแลผิวบริเวณคอสามารถทำได้ด้วยการสครับผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ ทาครีมบำรุงหรือเซรั่มที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและยกกระชับ และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อป้องกันรอยดำและความหย่อนคล้อย

    สุจภาพ

    หลังคอ

    ควรขัดขี้ไคลทุกครั้งระหว่างอาบน้ำ เพราะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่สะสมมาตลอดวัน นอกจากนี้ การสครับผิวบริเวณต้นคอยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พร้อมทั้งช่วยบำรุงผิวให้ดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น การทาครีมบำรุงผิวบริเวณคอเป็นประจำจะช่วยยกกระชับ ไม่ให้ผิวบริเวณนี้หย่อนคล้อย ช่วยให้ต้นคอดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

    สะดือ

    เช็ดทำความสะอาดสะดือให้แห้งทุกครั้งหลังอาบน้ำ  ล้างทำความสะอาดสะดือทุกวันด้วยสบู่ที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและน้ำเปล่า

    สุขภาพ

    ริมฝีปาก

    ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้ริมฝีปากดูอิ่มเอิบ ชุ่มชื่น และลดปัญหาริมฝีปากแห้งลอกเป็นขุย ควรหลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปาก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ริมฝีปากคล้ำและแห้งกร้าน นอกจากนี้ ควรหาเวลา สครับริมฝีปากอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยเผยผิวใหม่ที่ดูสดใสและมีสุขภาพดี

    สุขภาพ

     ก้น และ ขาหนีบ

    การดูแลก้น ท้ายไม่ให้ดำคล้ำสามารถทำได้โดยการทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ ควบคู่กับการสครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงรัดรูปเกินไป รับประทานอาหารที่มีวิตามิน E และ C เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น และใช้เบาะรองนั่งที่นุ่มเพื่อลดแรงกดทับและการเสียดสีบริเวณบั้นท้าย

    การดูแลขาหนีบ ทำความสะอาดบริเวณขาหนีบและขัดผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละสามครั้งเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว · สวมเสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้เพื่อป้องกันเหงื่อและการเสียดสีมากเกินไป

    สุขภาพ

    ขนจมูก

    กำจัดขนจมูกเฉพาะส่วนที่ยาวโผล่ออกมาให้เห็นนอกรูจมูกเท่านั้น เพราะขนจมูกจะได้ทำหน้าที่ของมันในการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย

    สุขภาพ

    ข้อศอก และ หัวเข่า

    การดูแลข้อศอก ดูแลข้อศอกให้นุ่มเนียนด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมให้ความชุ่มชื้น เช่น ยูเรีย หรือไฮยาลูโรนิกแอซิด สครับผิวสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง ทาวาสลีนก่อนนอน และหลีกเลี่ยงการพิงกับพื้นแข็งนาน ๆ หากข้อศอกดำหรือหยาบมาก อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA/BHA หรือรักษาด้วยเลเซอร์ พร้อมทาครีมกันแดดเมื่อต้องเผชิญแสงแดด

    สุขภาพ

    การดูแลหัวเข่า การดูแลผิวบริเวณหัวเข่าให้เนียนนุ่มและกระจ่างใสสามารถทำได้โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นจากภายใน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคือง ขัดผิวบริเวณหัวเข่าอย่างอ่อนโยนเป็นประจำเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ จากนั้นควรทามอยส์เจอไรเซอร์หรือออยล์เพิ่มความชุ่มชื้นทันทีหลังการขัดผิว และเลือกใช้สกินแคร์ที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนอย่างต่อเนื่อง

    สุขภาพ

    ส้นเท้า

    ดูแลส้นเท้าให้นุ่มเรียบด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่น สครับผิวอย่างสม่ำเสมอ ทาครีมหรือวาสลีนก่อนนอน และสวมถุงเท้าเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น

    สรุป

    การดูแลผิวพรรณไม่ใช่แค่ที่ใบหน้า แต่ยังรวมไปถึงจุดสำคัญต่างๆ ที่สามารถทำให้ผิวเราดูสวยและสุขภาพดีได้ตลอดทั้งวัน ในบทความนี้จะพูดถึง 9 จุดสำคัญที่สาวๆ ห้ามลืมดูแลเด็ดขาด เพื่อให้คุณมีผิวที่เรียบเนียน สดใสและเปล่งปลั่งทุกมุม

  • ประโยชน์ของการดื่มน้ำมะพร้าว

    ประโยชน์ของการดื่มน้ำมะพร้าว

    เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

    ผิวชุ่มชื้น

    น้ำมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (Natural Humectant) เนื่องจากอุดมไปด้วยอิเล็กโทรไลต์ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายและเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวพรรณดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน และยังช่วยลดอาการระคายเคืองจากผิวแห้งได้อีกด้วย นอกจากนี้ น้ำมะพร้าวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและไซโตไคนิน (Cytokinin) ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใส สุขภาพดี และมีชีวิตชีวาอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจากการเผชิญแสงแดดและมลภาวะเป็นประจำ

    สุจภาพ

    ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง
    การดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำช่วยให้ผิวพรรณดูสดใส กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีฤทธิ์ในการช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่ายและการไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น เมื่อร่างกายสะอาดจากภายใน ก็ส่งผลให้ผิวภายนอกดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งมากขึ้น นอกจากนี้ น้ำมะพร้าวยังมีสารอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อผิว เช่น วิตามิน B วิตามิน C และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้มีชีวิตชีวา เสริมสร้างความชุ่มชื้น และลดความหมองคล้ำจากความเครียดหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สดใส และมีออร่าอย่างเป็นธรรมชาติ

    สุขภาพ

    ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์
    น้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ เช่น วิตามิน C และสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีบทบาทในการชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว อนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด มลภาวะ และความเครียด เป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยก่อนวัย การได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำมะพร้าวจึงช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ วิตามิน C ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน และดูเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อดื่มหรือใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดี

    สุขภาพ

    ลดการเกิดสิว
    น้ำมะพร้าวมีส่วนช่วยในการลดการเกิดสิวได้หลายด้าน ทั้งจากภายในและภายนอก ด้วยคุณสมบัติในการปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว โดยเฉพาะสิวที่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน เช่น สิวก่อนมีประจำเดือน นอกจากนี้ ในน้ำมะพร้าวยังมีสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติ ที่สามารถช่วยลดรอยแดงและการอักเสบของสิวได้ ทำให้สิวแห้งเร็วขึ้นและลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็น อีกทั้งยังช่วยเสริมการขับสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยให้ผิวสะอาดจากภายใน และลดความเสี่ยงของการเกิดสิวซ้ำอย่างต่อเนื่อง

    สุขภาพ

    ลดการระคายเคืองผิว
    น้ำมะพร้าวมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการอักเสบและระคายเคืองของผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยองค์ประกอบของสารต้านการอักเสบ เช่น กรดลอริก (Lauric acid) และไซโตไคนิน (Cytokinin) ที่ช่วยลดอาการแดง คัน หรือบวมจากปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผื่น ผิวไหม้จากแดด หรือการแพ้ระคายเคือง น้ำมะพร้าวยังมีฤทธิ์ให้ความเย็นและความชุ่มชื้นแก่ผิว จึงช่วยปลอบประโลมผิวที่อ่อนแอ และส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูของเซลล์ผิว ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ลดโอกาสการลอกหรือเป็นรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะเป็นส่วนผสมที่อ่อนโยนและปราศจากสารเคมีรุนแรง

    สุขภาพ

    สรุป 

    การดื่มน้ำมะพร้าวมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านบำรุงผิวพรรณ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด อาจช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย ส่งเสริมการทำงานของไตเป็นต้น

  • ถ้าไม่อยากหน้าโทรม หลีกเลี่ยงการทำสิ่งเหล่านี้!

    ถ้าไม่อยากหน้าโทรม หลีกเลี่ยงการทำสิ่งเหล่านี้!

    1. นอนดึก

    การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายอ่อนล้าและส่งผลให้ผิวเสื่อมโทรม ระบบการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดสิว ผิวหมองคล้ำ และขาดความสดชื่น ช่วงเวลานอนที่ดีที่สุดคือระหว่าง 22.30 น. ถึง 01.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมาในปริมาณสูง ช่วยฟื้นฟูเซลล์และเสริมสร้างร่างกาย ทำให้ผิวดูสดใสและมีชีวิตชีวาในตอนเช้า

    นอนน้อย

    2. ไม่ล้างหน้าก่อนนอน

    การไม่ทำความสะอาดผิวหน้าก่อนนอน ส่งผลให้สิ่งสกปรกอย่างคราบเครื่องสำอาง เหงื่อ ฝุ่นละออง และเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วสะสมบนใบหน้า ซึ่งอาจทำให้รูขุมขนอุดตัน ผิวมัน และดูหม่นหมอง หากต้องการผิวใส ควรล้างหน้าให้สะอาดทุกคืน พร้อมเสริมการบำรุงด้วยสกินแคร์หรือมาส์ก เพื่อฟื้นฟูผิวความเนียนนุ่มระหว่างการพักผ่อน
    ล้างหน้า

     3. ไม่ทาครีมกันแดด

    การละเลยการปกป้องผิวจากแสงแดด โดยเฉพาะในวันที่แดดแรง อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้ผิวไหม้ และเพิ่มโอกาสการเกิดฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ รังสี UV ยังสามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย แม้ว่าจะดูแลด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงเพียงใด หากไม่ป้องกันผิวจากแสงแดด ผิวก็ยังเสื่อมสภาพได้ นอกจากนี้ การตากแดดเพียง 15 นาที โดยไม่มีการป้องกัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง และส่งผลเสียต่อดวงตาและระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
    ทาครีมกันแดด

     4. ความเครียด

    เมื่อเกิดความเครียดสะสม ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะถูกหลั่งออกมาในปริมาณมาก ส่งผลกระทบต่อการทำงานของผิว ทำให้เกิดภาวะ “ผิวเครียด” ซึ่งมีลักษณะอ่อนแอ แพ้ง่าย และหมองคล้ำ แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงมากมาย แต่หากไม่จัดการกับความเครียดจากภายใน ก็อาจไม่เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนการผ่อนคลายด้วยการนอนพักให้เพียงพอ ฝึกสมาธิ ออกกำลังกาย และปรับสมดุลชีวิต จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวและกลับมาดูสุขภาพดีได้อีกครั้ง

    เคลียด

     5. ดื่มน้ำน้อย

    การดื่มน้ำไม่เพียงพอทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งและเกิดสภาวะผิวมันแห้งผสมกันในบางจุด เมื่อร่างกายขาดน้ำอย่างต่อเนื่อง ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและเริ่มเกิดริ้วรอยลึก โดยเฉพาะที่หน้าผากและร่องแก้มที่เห็นได้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว และใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

    ดื่มน้ำน้อย

    สรุป

    ถ้าไม่อยากหน้าโทรมหยุดการกระทำเหล่านี้ซึ่งการกระทำเหล่านี้ส่งผลต่อผิวหน้าของเราเป็นอย่างยิ่งและนี้คือจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆที่กำลังจะตามมาไม่ว่าจะเป็นสิว ผิวหนังหย่อนคล้อย ใต้ตาดำ ผิวแห้งลอก เป็นต้น